ขั้นตอนการนำเข้าส่งออกสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของคุณ
- การส่งสุนัขและแมวจากประเทศไทยไปต่างประเทศทำได้โดย
เจ้าของสุนัขและแมวเตรียมเอกสารพื้นฐาน คือ ใบรับรองการฉีดวัคซีนโรคกลัวน้ำที่รับรองโดยสัตวแพทย์ ฉีดมาแล้วอย่างน้อย 30 วัน บางประเทศเท่านี้ก็พอแล้ว สัตว์ต้องมีอายุอย่างน้อย 4 เดือน - ถามกรมปศุสัตว์ของประเทศปลายทางว่าต้องใช้เอกสารใดอีก เพราะแต่ละประเทศต้องการไม่เหมือนกันถามได้จากสถานทูต หรือถามจากผู้นำเข้า เอกสารอื่นที่บางประเทศต้องการเพิ่ม เช่น ผลการตรวจเลือดหาเชื้อพิษสุนัขบ้า (จากห้องแลบในยุโรปเขาไม่รับผลเลือดจากห้องแลบของไทยส่งเลือดไปตรวจโดยผ่าน โรงพยาบาลสัตว์บางแห่ง) หมายเลขไมโคชิพ ใบเพ็ดดิกรี หลักฐานการขึ้นทะเบียนสัตว์กับสมาคม
- ส่งเอกสารที่จำเป็นของแต่ละประเทศไปให้ผู้นำเข้า ส่งทางแฟกซ์หรืออี-เมล์ ผู้นำเข้านำเอกสารไปขอใบ Import permit
- ให้ผู้นำเข้าส่งใบ Import permit มาให้เรา ทางแฟกซ์หรืออี-เมล์
- เรานำใบ Import permit และ สุนัข แมว ไปตรวจสุขภาพและทำเรื่องส่งออกที่สนามบินสุวรรณภูมิ ที่เขตปลอดอากร เพื่อขอใบ Export permit และใบรับรองสุขภาพสัตว์ (ขั้นตอนที่ 5 กับ 7 นี้ ถ้าเจ้าของสัตว์ไม่เดินทางไปด้วย ควรมีตัวแทน shipping ช่วยเดินเรื่องให้ เพราะต้องมีกำหนดเที่ยวบินด้วย)
- เมื่อได้รหัสเที่ยวบินแล้ว เราต้องส่งรหัสนี้ไปให้ผู้นำเข้าไปติดต่อ confirm กับสายการบินก่อนจึงจะส่งออกได้
นำสุนัขส่งออก ข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02 2499001
เนื่องจากส่วนหนึ่งของลูกค้าของโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อเป็นลูกค้าชาวต่างชาติ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี อเมริกา ประเทศในกลุ่มEU เป็นต้น ซึ่งในหลายครั้งลูกค้าได้เข้ามาปรึกษาเรื่อง ที่ลูกค้าต้องย้ายไปยังต่างประเทศหรือกลับประเทศของตนเอง แต่สิ่งที่สำคัญเหนืออื่นใดนั้นคือต้องการนำสัตว์เลี้ยงแสนรักของพวกเขา เหล่านั้นไปด้วย ซึ่งในส่วนนี้ทำให้ลูกค้าต้องการความช่วยเหลือ และคาดหวังกับทางโรงพยาบาลว่าจะทราบรายละเอียดทุกอย่าง
จากจุดเริ่มต้นเริ่มต้นดังกล่าวทางโรงพยาบาลจึงเริ่มทำงานในส่วนของการส่ง สัตว์เลี้ยงไปยังต่างประเทศตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้ากลุ่มนี้ซึ่งในส่วนของลูกค้ามีทั้งลูกค้าเก่า และลูกค้าใหม่ หรือแม้แต่ลูกค้าจากต่างจังหวัดก็มาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
แบ่งโซนประเทศที่มีการเดินทางและนำสัตว์เลี้ยงเข้าประเทศได้ดังต่อไปนี้
- โซน เอเชีย
- โซนยุโรป (EU countries)
- โซนอเมริกา และแคนาดา
- โซนออสเตรเลียและนิวซีแลนด์
- โซนแอฟริกา
กฏเกณฑ์แต่ละประเทศนั้นก็จะแตกต่างกันออกไปโดยเฉพาะประเทศที่เป็นเกาะและประเทศที่ปราศจากโรคพิษสุนัขบ้าก็จะมีความเข้มงวดกว่า
การเตรียมตัวสัตว์เลี้ยงก่อนเดินทาง
การเตรียมตัวสัตว์เลี้ยงก่อนเดินทาง สิ่งแรกก่อนสิ่งอื่นใดคือลูกค้าคงต้องทราบประเทศที่เขาจะเดินทางไปเพื่อที่ จะหารายระเอียดเกี่ยวกับกฎของการนำสัตว์เลี้ยงเข้าประเทศนั้นๆ โดยปกติลูกค้าสามารถค้นหากฎและแนวทางการเตรียมตัวคร่าวๆได้จากอินเตอร์เนต และบางประเทศสามารถติดต่อสอบถามไปยังสถานทูตเกี่ยวกับ รายละเอียดคร่าวๆของประเทศนั้นได้
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการเดินทาง
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการเดินทาง คือ ตัวสัตว์ อายุ สุขภาพ การถ่ายพยาธิ การป้องกันเห็บหมัด การฝัง microchipหรือ การทำ tattoo ประวัติวัคซีนทั้งหมดโดยเฉพาะวัคซีนพิษสุนัขบ้า จึงทำให้ต้องมีการตรวจ rabies titer ในหลายประเทศเพื่อยืนยันว่าตัวสัตว์ปราศจากโรคพิษสุนัขแน่นอน โดยการตรวจจะต้องส่งตรวจกับlaboratory ที่ approved ซึ่งโดยปกติจะมีรายชื่อ laboratory ที่สามารถค้นได้จากอินเตอร์เนต หรือ laboratory ในประเทศปลายทาง ซึ่งทางโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อได้ใช้บริการของ laboratory ของประเทศอังกฤษซึ่งเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป และใบรับรองสุขภาพ (health certificate)
ตัวอย่างกฏของแต่ละประเทศ
ประเทศญี่ปุ่น นั้นมีกฎที่เข้มงวดและละเอียดที่สุด ต้องมีเวลาเตรียมตัวสัตว์เลี้ยงอย่างน้อย 7-12 เดือน สิ่งที่ประเทศญี่ปุ่นต้องการคือ การฝัง microchip การวัคซีนพิษสุนัขบ้าอย่างน้อยสองเข็มห่างกันอย่างน้อย 30 วัน ต้องการตรวจ rabies titer และต้องอยู่ภายในประเทศไทย 180วันนับตั้งแต่วันที่ตรวจเลือด และยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆอีก
ประเทศไต้หวัน มีกฎระเบียบปลีกย่อยคือนอกจากต้องตรวจ rabies titer แล้วสัตว์เลี้ยงจะต้องตรวจไข้หวัดนก (avian flue) ทำวัคซีนไข้หวัดนกก่อนออกเดินทาง และต้องอยู่ในประเทศ 6 เดือนนับตั้งแต่วันตรวจ rabies titer
ประเทศจีน เกาหลี มาเลเซีย สิงคโปร์ ไม่ค่อยยุ่งยากต้องการวัคซีนพิษสุนัขบ้าและใบรับรองสุขภาพ
ประเทศในยุโรปที่อยู่ภายใต้กฎ EU ต้องการ microchip ฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าอย่างน้อยหนึ่งเข็มอย่างน้อย 30 วันแต่ไม่เกิน 1 ปีก่อนออกเดินทาง การตรวจ rabies titer ตัวอย่างประเทศที่ต้องอยู่ในประเทศอย่างน้อย 3 เดือนนับจากวันที่ตรวจ rabies titer เช่น ฝรั่งเศส เยอรมัน เนเธอแลนด์ ซึ่งในแต่ละประเทศของยุโรปก็จะมีกฎปลีกย่อยลงไปอีก เช่น ประเทศอังกฤษไม่ใช้กฎ EU ไม่ต้องการ microchip ไม่ต้องการการฉีดวัคซีน แต่สัตว์จะถูกกักกันที่ quarantine ของประเทศอังกฤษเป็นเวลา 6 เดือน เช่นเดียวกับประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ สัตว์จะได้รับวัคซีนและmicrochipที่นั่นแต่ในกรณีที่อาจต้องนำสัตว์ไปประเทศ อื่นๆที่อยู่ภายใต้กฎ EU ก็จำเป็นที่จะต้องทำตามกฎ EUด้วย ประเทศสวีเดนต้องทำตามกฎ EU และต้อง quarantine ที่สวีเดน 4 เดือนเป็นต้น
ประเทศตะวันออกกลาง ก็ไม่เคร่งครัดนัก แต่ต้องการให้ทำวัคซีนวัคซีนพิษสุนัขบ้าหนึ่งเข็ม ระยะเวลา 30 วันก่อนออกเดินทางและต้องมีใบรับรองสุขภาพ (health certificate)
ประเทศอเมริกาโดยปกติไม่เข้มงวดนักเนื่องจากยังประเทศที่ไม่ปลอดจากโรคพิษ สุนัขบ้า และโดยปกติไม่ต้องการการทำ microchip เนื่องจากใช้ระบบที่แตกต่างกันกับเอเชียและยุโรป ยกเว้นฮาวายที่ต้องการการตรวจ rabies titer เนื่องจากเป็นเขตที่ปลอดโรคพิษสุนัขบ้า และการตรวจจะต้องส่งไปตรวจที่อเมริกาเท่านั้น
ประเทศแคนาดาเหมือนอเมริกาแต่ต้องการรายละเอียดปลีกย่อยเรื่องวัคซีนคือ ในแมวจะต้องทำวัคซีนป้องกันโรค Chlamydia ซึ่งทางโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อก็มีบริการวัคซีนชนิดนี้รวมอยู่ในโปรแกรม วัคซีนอยู่แล้ว
ประเทศไทย ในขณะนี้ก็เริ่มมีการใช้กฎเรื่องสัตว์เลี้ยงทุกตัวที่จะต้องการเดินทางออก นอกประเทศ ต้องได้รับการทำวัคซีนพิษสุนัขบ้าอย่างน้อยหนึ่งเข็ม ระยะเวลาไม่น้อยกว่า 30 วันแต่ไม่เกิน 1 ปีก่อนเดินทางและต้องฝัง microchip และก่อนออกเดินทางเจ้าของต้องนำสัตว์เลี้ยงไปตรวจสุขภาพเพื่อออกใบอนุญาตออก เดินทางนอกราชอาณาจักรซึ่งทางสายการบินต้องการเอกสารนี้ในการดินทาง
พบกับบริการที่มีคุณภาพที่โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อทั้ง 5 สาขาที่
โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สุขุมวิท 55 โทร. 0-2712-6301 ต่อ 200
โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขาลาดพร้าว โทร.0-2934-1407-9
โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขาปิ่นเกล้า โทร.0-2433-7550
โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขาแจ้งวัฒนะ โทร.0-2962-7028
โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขาศรีนครินทร์ โทร.0-2398-4314-5
รายละเอียดเพิ่มติมด้านล่างนี้เป็นของกรมปศุสัตว์
การนำสุนัขไปต่างประเทศ ขึ้นอยู่กับ ประเทศปลายทางเป็นสำคัญ จึงให้ผู้เลี้ยงสัตว์ ติดต่อสถานทูตของประเทศนั้นๆ ก่อนการเดินทาง และ สำคัญ คือ ต้องผ่านกระบวนการตรวจทางภาคพื้น ที่ สนามบินสุวรรณภูมิ โดย มีรายละเอียดเบื้องต้นดังนี้
- ประเทศญี่ปุ่น หรือ กลุ่ม EU และ สหรัฐอเมริกา ต้องตรวจ ระดับภูมิคุ้มกันของโรคพิษสุนัขบ้า ก่อนเดินทางทุกครั้ง
- Rabies titer โดยต้องส่งตรวจเฉพาะ lab ในต่างประเทศเท่านั้น (ไม่ยอมรับ Lab ในประเทศไทย ดังนั้น เมืองไทย ไม่สามารถออกใบรับรอง rabies titers ได้) และ บางประเทศต้องส่งตรวจล่วงหน้า 3 เดือน ก่อนการเดินทาง
- ต้องมีใบรับรองสุขภาพสัตว์ ประวัติวัคซีน ประวัตการป้องกันเห็บหมัด โดยเฉพาะกลุ่ม EU และ ประเทศ America
- เอกสารไมโครชิพ และ ประวัติการฝังไมโครชิพ
- ส่วนการนำ แมวเข้า มาที่ประเทศไทย เมื่อเอกสารพร้อม ให้ยื่นที่ด่านสุวรรณภูมิ โดย ด่านฯ จะให้กักแมว เอาไว้ที่บ้าน 3 เดือน (ไม่ได้กักที่ด่านสนามบิน เป็นการอนุโลมให้เจ้าของสัตว์ดูแลสัตว์เลี้ยงเอง)
ขั้นตอนการส่งสุนัขและแมวออกนอกราชอาณาจักร
มีหนังสืออนุญาตให้นำเข้าสัตว์จากประเทศปลายทาง ( Import permit) พร้อมเงื่อนไขการนำเข้า
( Requirement) ซึ่งต้องมีรายละเอียด ดังนี้
-ชนิดของสัตว์ เพศ พันธุ์ อายุของสัตว์ที่อนุญาตให้นำเข้า
– ชนิดของวัคซีนและระยะเวลาการฉีดวัคซีน
– การตรวจรับรองเพิ่มเติม เช่น ระดับภูมิคุ้มกันโรคพิษสุนัขบ้าต้องไม่ต่ำกว่า 5 IU/ml. ผลการตรวจโรคไข้หวัดนก เป็นต้น (แล้วแต่ประเทศปลายทางกำหนด)
– สัญลักษณ์ประจำตัวสัตว์ เช่น รอยสัก , ไมโครชิพ
– ข้อห้ามอื่น ๆ ห้ามตัดหู , ตัดหาง
ผู้มีความประสงค์ส่งออกสัตว์
จะต้องติดต่อขออนุญาต ณ ด่านกักกันสัตว์ที่ประสงค์จะส่งออกล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน เช่น ท่าอากาศยานกรุงเทพ เชียงใหม่ , ภูเก็ต ฯลฯ โดยกรอก คำร้องแบบ ร.1/1 พร้อมยื่นเอกสารประกอบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน , สำเนาทะเบียนบ้าน , หรือสำเนา หนังสือเดินทาง
– สำเนาหนังสือจดทะเบียนนิติบุคคล (กรณีบริษัท , ห้างหุ้นส่วน)
– หนังสือมอบอำนาจพร้อมสำเนาบัตรผู้มอบและผู้รับมอบ
– สมุดรับรองกรณีการฉีดวัคซีนพร้อมสำเนา
ผู้ส่งออกจะควรนำสัตว์เลี้ยงมาตรวจสุขภาพสัตว์ก่อนการส่งออก ประมาณ 2-3 วัน .เนื่องจากบางครั้งอาจต้องรอคิวนานอาจทำให้ขึ้นเครื่องบินไม่ทัน
เมื่อเอกสารประกอบคำร้องถูกต้อง ครบถ้วน และสัตว์มีสุขภาพดี
ด่านกักกันสัตว์จะออก ใบอนุญาตส่งออกสัตว์ไปต่างประเทศ (แบบ ร.9) และหนังสือรับรองสุขภาพสัตว์
(Health Certificate) เพื่อนำไปแสดงต่อศุลกากร เจ้าหน้าที่สายการบิน และสัตวแพทย์ประเทศปลายทาง
ค่าธรรมเนียมการส่งออก
– สุนัข ตัวละ 50 บาท
– แมว ตัวละ 50 บาท
ขั้นตอนการนำสุนัขหรือแมว เข้าในราชอาณาจักร
- ยื่นคำร้องขออนุญาตนำสัตว์เข้าในราชอาณาจักร (แบบ ร.1/1)
ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 15 วัน ณ ด่านกักกันสัตว์ที่จะนำเข้า เช่น ท่าอากาศยานกรุงเทพฯ,
เชียงใหม่ โดยมีเอกสารประกอบ ดังนี้
– สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน
– หรือสำเนาหนังสือเดินทาง
– สำเนาหนังสือจดทะเบียนนิติบุคคล (กรณีบริษัท, ห้างหุ้นส่วน)
– หนังสือมอบอำนาจพร้อมสำเนาบัตรผู้มอบและผู้รับมอบ - ด่านกักกันสัตว์จะพิจารณาอนุญาต โดยออกหนังสือ Import permits และเงื่อนไขการนำเข้า (requirement)
ให้แก่ผู้ยื่นคำร้องใช้เวลาดำเนินการ 2 วัน และผู้นำเข้าจะต้องนำไปแสดงต่อสัตวแพทย์ต้นทาง ให้ทำการตรวจและรับรองสุขภาพสัตว์ - เมื่อสัตว์มาถึงด่านกักกันสัตว์ (ท่าเข้า)ผู้นำเข้าจะต้องติดต่อเจ้าหน้าที่สัตวแพทย์ประจำด่านกักกันสัตว์ นำเอกสารใบรับรองสุขภาพสัตว์พร้อมกับสำเนาImport permit มาแสดง เมื่อสัตวแพทย์ได้ตรวจเอกสารถูกต้อง ประกอบกับสัตว์มีสุขภาพดี ด่านกักกันสัตว์จะออกใบแจ้งอนุมัตินำเข้า (ร.6) และ ใบอนุญาตนำเข้า (ร.7) พร้อมทั้งเก็บเงินค่าธรรมเนียมการนำเข้า
- สัตวแพทย์จะทำบันทึกสั่งกักสัตว์ไว้ดูอาการ ณ สถานที่กักกันสัตว์ ที่กรมปศุสัตว์รับรอง เป็นระยะเวลา
ไม่น้อยกว่า 30 วัน โดยในระหว่างการกักกันจะมีการตรวจสอบสุขภาพและผู้นำเข้าหรือเจ้าของจะเป็น ผู้ควบคุมดูแลรับผิดชอบและออกค่าใช้จ่ายของทั้งหมด - ผู้นำเข้าจะต้องนำใบ ร.6 และ ร.7 ไปแสดงต่อศุลกากรเพื่อเสียภาษีการนำเข้า (ถ้ามี))
ค่าธรรมเนียมการนำเข้า
– สุนัข ตัวละ 100 บาท
– แมว ตัวละ 100 บาท